เรื่องสิวๆ‬...แต่ไม่จิ๋วนะเออ EP.2 - ยา ยา ยา ยา ยา ยา ยา ยา

เรื่องสิวๆ‬...แต่ไม่จิ๋วนะเออ

EP.2 - ยา ยา ยา ยา ยา ยา ยา ยา ยา ยา

ภาคนี้คุยกันเรื่องยาที่เป็นการรักษาหลักครับ

คำแนะนำ
การใช้ยาทุกชนิดมีรายละเอียดมากทางที่เหมาะสมที่สุดคือปรึกษาแพทย์
หญิงมีครรภ์และให้นมบุตรห้ามซื้อยาใช้เองเด็ดขาด

วันนี้จะมาโม้เรื่องการรักษา ในแบบมารตฐาน(Standard treatment)หรือการรักษาหลัก ตามคำแนะนำของหลายๆสามาคม ย้ำว่ามารตฐานตามคำแนะนำ เป็นเพียงคำแนะนำ ถ้าทำตามนี้คาดว่าน่าจะได้ผล แต่ไม่ทำตามนี้ไม่ได้หมายความว่ารักษาผิดนะ ส่วนการรักษาอื่นๆนอกจากนี้ก็เรียกว่าการรักษาเสริม

ก่อนอื่นต้องย้อนความไปดูเรื่องการเกิดสิวก่อนนะครับ ว่ากันว่ามีอยู่เป็น Step ตามนี้
1.ต่อมไขมันสร้างและขับไขมัน(Sebum production)
2.การรวมตัวเกิดสิว(Comedogenesis)
3.เชื้อ P. acnes เข้าผสมโรง(Microbial activity)
4.เกิดการอักเสบ(Inflammation)
และอาจมีของแถม 5. เกิดแผลเป็นจากสิว(Acne scaring)

การรักษาหลักคือการพยายามหยุดหรือลดกระบวนการเหล่านี้นั่นเอง วันนี้จะเล่าเฉพาะเรื่องยาก่อน ส่วนเรื่องอาหาร การล้างหน้า และการรักษาอื่นๆเอาไว้ตอนต่อๆไปนะครับ

ยาทา
เป็นยาที่ควรใช้ก่อนยากิน ออกฤทธิ์เฉพาะที่ใช้กับสิวทุกระดับ จะเล่าให้ฟังทีละกลุ่ม

วิตมินเอชนิดทา(Topical retinoids)
ปัจจุบันมี 4 generation
Gen 1 : Retinoic acid
Gen 2 : Isotretinoin ผลเหมือนกับ Gen 1 แต่ระคายเคืองน้อยกว่า
Gen 3 : Adapalene ออกฤทธิ์ได้ดีกว่า มีฤทธิ์ลดการอักเสบมากขึ้น นิยมใช้มากที่สุด
Gen 4 : Tazarotene มีขายใน USA และยังแพงอยู่
วิตมินเอชนิดทา มีฤทธิ์ละลายหัวสิว ใช้ได้ทั้งสิวไม่อักเสบ และสิวอักเสบ รวมถึงทาป้องกันสิวเกิดใหม่ได้ หลังใช้ 1-2 สัปดาห์แรก มีสิวเห่อ และหน้าลอกได้

Benzoyl peroxide (BPO) แปลไทยไม่ได้จริงๆ
มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อสิว(P.acne) ลดการอักเสบ แถมยังมีฤทธิ์ละลายหัวสิวได้นิดหน่อย ใช้ได้ทั้งสิวไม่อักเสบ และสิวอักเสบ ถือเป็นยาตัวหนึ่งที่เลอเลิศใช้ได้ได้เลย ถ้าต้องเลือกใช้ยาแค่ตัวเดียว(สำหรับคนขี้เกียจ) ยาตัวนี้เป็นตัวเลือกที่ดีมาก
ทาบางๆเช้า-เย็น ช่วงแรกถ้าแสบ ให้ทาแล้วล้างออก แล้วค่อยๆเพิ่มเวลาให้นานขึ้น
แต่.....แต่....แต่..... มันก็มีข้อเสียอยู่ ถ้าใช้ร่วมกับยากลุ่มแรกมันจะมีหน้าลอกมากขึ้น ควรแยกเวลากันตัวนึกเช้าตัวนึงเย็น และตัวนี้ทำให้ผ้าสีเป็นด่าง ระวังอย่าให้โดนผ้าหรือใส่เสื้อผ้าสีขาวถ้าต้องทายาที่ตัว

ยาฆ่าเชื้อชนิดทา(Topical antibiotics)
ตามชื่อเลยครับเกิดมาเพื่อฆ่า P.acne อย่าเดียว จึงเหมาะใช้กับสิวอังเสบ ถ้าไม่มีเชื้อ ไม่อักเสบ แล้วยาจะฆ่าอะไรหละ ก็ฆ่าเชื้อที่เป็นเชื้อดีๆ(เชื้อดีๆก็มีนะ)ที่อยู่ในร่างกายงัยหละ
ที่นิยมมี 3 ตัว คือ
- Clindamycin
- Erythromycin
- Tetracyclin
ถ้าจะใช้ยากลุ่มนี้......ต้อง.......ใช้ร่วมกับ BPO หรือใช้อย่างน้อย 2 ตัว เพื่อป้องกันการดื้อยา ไม่ควรใช้ติดต่อเกิน 3-4 สัปดาห์ ถ้าต้องใช้นาน(หายยาก) ให้ใช้ BPO ร่วมกับ Clindamycin 3-4 สัปดาห์ แล้วเปลี่ยนเป็น BPO ร่วมกับ Erythromycin 3-4 สัปดาห์
จริงๆแล้วถ้าจะใช้กลุ่มนี้ให้หมอดูให้จะดีกว่านะ

ตามตารางเป็นยาบางส่วนที่สามารถหาซื้อได้ง่าย บอกคุณสมบัติของแต่ละตัว
x ไม่มีผล
* ผลเล็กน้อย
** ผลดีปานกลาง
*** ผลดีมาก

ยากินรักษาสิว

มาถึงกลุ่ม ยากินรักษาสิว กันบ้าง ก่อนอื่นบอกก่อนเลยนะครับ ว่าไม่สนับสุนให้หาซื้อกินเอง ให้หมอดูให้ดีกว่าว่าต้องกินหรือไม่

isotretinoin ชนิดกิน
ยานี้ช่วยลดการสร้างไขมัน ทำให้เชื้อ P.acne เจริญได้ยาก และลดการอักเสบได้ ใช้ในรายที่เป็นสิวอักเสบรุนแรงเท่านั้น
ไม่ควรใช้ในคนที่อายุน้อยกว่า 18 ปี และห้ามใช้ในหญิตั้งครรภ์เด็ดขาด ผู้ญิงที่จะใช้ยานี้ต้องคุมกำเนิดคู่ไปด้วย
ยานี้เป็นยาที่ใช้ได้ผลดี แต่มีผลข้างเคียงรุนแรงพอสมควร เช่น ผิวแห้ง ปากแห้ง ตาแห้ง ปวดกล้ามเนื้อเวลาออกแรง ผมร่วง เป็นต้น
ยานี้จึงแนะนำเฉพาะคนที่มีอาการรุนแรงเท่านั้น คนที่กินยานี้ต้องเจาะเลือดก่อรักษาและหร่างหว่ารักษาเป็นระยะด้วยนะ

ยาฆ่าเชื้อชนิดกิน
มีหลายชนิด แต่ทุกชนิดต้องให้แพทย์แนะนำวิธีกินเพื่อลดโอกาสดื้อยา และป้องกันการเกินภาวะแทรกซ้อนจากการใช้ยา

ยาคุมกำเนิด
แนะนำให้ใช้ในผู้ที่อาการค่อนข้างรุนแรง และใช้ทั้งยาทายากินก่อนหน้านี้แล้วไม่ได้ผล ด้วยความที่เป็นฮอร์โมน ผมข้างเคียงจะค่อนข้างรุนแรง และไม่แนะนำให้ใช้ติดต่อเกิน 2 ปี และแน่นอนว่าคนท้องห้ามใช้ ยาคุมบางตัวเท่านั้นที่มีฤทธิ์ในการลดสิว ถ้าอยากทราบว่าตัวใหนบ้างหลังไมค์เหมือนเดิมจร้า

สำหรับตอนนี้ ขอพักแค่นี้ก่อนนะครับ
ตอนต่อไปจะเป็นเรื่องการรักษาทางเลือก เช่น ฉีดสิว กดสิว เลเซอร์ นะครับ
สำหรับยาที่เล่าให้ฟังในวันนี้ บอกได้แต่กลุ่มนะครับ จะพยายามไม่เอ่ยนามยี่ห้อ ถ้าอยากทราบหลังไมค์เน้อ มีข้อสงสัยสอบถามใน Comment หรือ Inbox ได้เลยครับ

ถ้ามีข้อเสนอแนะ ทักท้วง ด่า เชิญ comment ได้ครับ

Admin "คุงหมี"

Credit: จีรดาคลินิก เชียงใหม่

https://www.facebook.com/jeeradaclinic.cm